4256 Views |
ในแต่ละประเทศทั่วโลกต่างก็มีประเพณีวัฒนธรรมซึ่งบ่งบอกถึงความเชื่อ เอกลักษณ์แตกต่างกันไป ดังนั้น เราจึงควรเรียนรู้ถึงวัฒนธรรมที่แตกต่าง เพื่อสามารถปฏิบัติตัวได้เหมาะสม หากได้พบเจอผู้คน,ได้เดินทางท่องเที่ยวหรือต้องทำธุรกิจจากผู้คนต่างๆรอบโลก
เราได้รวบรวม 20 วัฒนธรรมประเพณีน่าทึ่งรอบโลกไว้ที่นี่
1. เลือกประเภทดอกไม้ มอบต้องมอบให้เพื่อนชาวรัสเซีย / Choose the Flowers You Give to a Russian
หากคุณมีเพื่อนชาวรัสเซีย หลีกเลี่ยงดอกไม้ที่มีสีเหลืองเนื่องจากเป็นดอกไม้ที่แสดงถึงความสัมพันธ์ที่แตกหักหรือการหลอกลวง ดอกคาร์เนชั่นสีแดงก็เป็นดอกไม้ต้องห้ามเช่นกันเพราะเป็นดอกไม้ที่มอบให้กับทหารผ่านศึกที่รอดชีวิตจากสงครามและวางบนหลุมศพของผู้ที่จากโลกนี้ไปแล้ว
2. หลีกเลี่ยงให้ของเหล่านี้แก่เพื่อนชาวจีน / Be Careful of What you Give to Chinese Colleagues
ระวัง หลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้กับเพื่อนชาวจีน ในขณะที่จีนเปิดประตูสู่ตะวันตก ประเพณีวัฒนธรรมของชาวจีนจะไม่ได้ลบเลือนจางหายไป ประเทศจีนเป็นหนึ่งในอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มานับพันปีและส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ชาวจีนส่วนใหญ่เชื่อโชคลางและให้ความหมายกับสิ่งของต่างๆ
หลีกเลี่ยงการให้ดอกไม้สีขาวหมายถึงผีและความตาย ซึ่งในสหรัฐอเมริกา ดอกไม้สีขาวเป็นสัญลักษณ์ของความไร้เดียงสาและความบริสุทธิ์ และในทำนองเดียวกันหลีกเลี่ยงดอกไม้ที่มีลำต้นมีหนาม และสิ่งต่างๆ ต่อไปนี้:
3. อย่าขอเกลือเมื่อรับประทานอาหารในอียิปต์ / Don’t Ask for Salt When Dining in Egypt
อย่าขอเกลือเมื่อรับประทานอาหารในอียิปต์ ซึ่งหมายถึง คุณไม่ชอบกับรสชาติของอาหารที่เสิร์ฟให้คุณ ในหลายวัฒนธรรม เช่น สหรัฐอเมริกา เป็นเรื่องปกติที่จะขอเกลือเพิ่มในอาหารของคุณ
4. การตรงต่อเวลา / Being Punctual
ค่าของการตรงต่อเวลาแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ในเวเนซุเอลา เป็นเรื่องปกติที่จะมาถึงสายประมาณ 10 ถึง 15 นาทีเมื่อรับประทานอาหารค่ำร่วมกับผู้อื่น การตื่นเช้าสำหรับชาวเวเนซุเอลาหมายความว่าบุคคลนั้นมีความโลภมากเกินไป ในขณะที่คนอเมริกัน ชาวเยอรมัน ชาวเกาหลีใต้ และชาวญี่ปุ่น มักยึดติดกับการตรงต่อเวลา เป็นเรื่องเหลือเชื่อในมาเลเซีย การมาสาย 5 นาที (ซึ่งจริงๆ แล้วอาจนานถึง 60 นาที) เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ และคุณไม่จำเป็นต้องขอโทษด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่การพบกันตรงเวลานั้นไม่สำคัญในโมร็อกโก ซึ่งการมาสายหนึ่งชั่วโมงหรือทั้งวันเป็นเรื่องปกติ! เป็นเรื่องปกติสำหรับชาวจีนหากคุณมาสาย 10 นาที ในขณะที่ชาวเม็กซิกันและกรีกจะขอโทษหากมาถึงหลังเวลานัด 30 นาที
5. คำนึงถึงมารยาทบนโต๊ะอาหารเมื่อคุณอยู่ที่นอร์เวย์ / Mind your Table Manners in Norway
ในบางวัฒนธรรม การกินอาหารด้วยมือเปล่าเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ แต่ตามมารยาทแล้ว มักต้องใช้อุปกรณ์ เช่น ช้อนส้อม ตะเกียบ ช้อน มีดและส้อม เมื่อรับประทานอาหาร อย่าลืมเรียนรู้วิธีการรับประทานอาหารด้วยมีดและส้อมก่อนที่คุณจะเดินทางไปนอร์เวย์ ในประเทศแถบสแกนดิเนเวียนี้ แม้แต่แซนวิชก็ยังกินด้วยส้อมและมีด
6. “ไม่”มอบของมีคมแก่ผู้อื่น / “No” to Sharp Objects
"ไม่" มอบของมีคมให้ผู้อื่น ประเพณีวัฒนธรรมของเนเธอร์แลนด์และจีนแตกต่างกันอย่างมาก แต่สิ่งหนึ่งมีความคล้ายคลึงกันมาก นั่นคือ ไม่มอบของมีปลายแหลมให้แก่เพื่อนหรือเพื่อนร่วมงาน เช่น กรรไกรและมีดทำครัว สำหรับชาวดัตช์ ของมีคมถือเป็นของขวัญอัปมงคล ส่วนชาวจีน หมายถึงคุณต้องการเลิกราหรือตัดความสัมพันธ์กับพวกเขา
7. ฟันน้ำนมหลุดในกรีซ / Losing a Tooth in Greece
สำหรับหลายๆ วัฒนธรรม เด็กๆ จะถูกบอกให้เก็บฟันน้ำนมไว้ใต้หมอน และนางฟ้าฟันน้ำนมจะให้เงินพวกเขาเพื่อแลกกับฟันของพวกเขา แต่เด็กชาวกรีกถูกบอกให้โยนฟันลงบนหลังคา ประเพณีทางวัฒนธรรมมีขึ้นเพื่อให้เด็กมีฟันที่แข็งแรงและโชคดีกับครอบครัว
8. พูดไชโย แต่อย่าชนแก้วในฮังการี / Say Cheers BUT Don’t Clink Glasses in Hungary
แทบจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติเมื่อร่วมดื่มด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีงานฉลองที่ต้องกล่าวเชียร์และชนแก้ว แต่การปฏิบัติแบบดั้งเดิมไม่ได้ทำในฮังการี ในอดีตกองกำลังของฮังการีพ่ายแพ้สงครามที่ต่อสู้กับออสเตรียในปี พ.ศ. 2392 และพวกเขาได้เห็นนายพลของออสเตรียเฉลิมฉลองโอกาสนี้ด้วยการดื่มเบียร์และชนแก้วกัน ชาวฮังกาเรียนจึงสาบานว่าจะไม่ชนแก้วเวลาดื่มเป็นเวลา 150 ปี คำปฏิญาณสิ้นสุดลงในปี 2542 แต่ชาวฮังกาเรียนส่วนใหญ่ยังคงปฏิบัติตามประเพณีทางวัฒนธรรม
9. เลือกโอกาสที่เหมาะสมเมื่อต้องการคุยธุรกิจในโบลิเวีย / Choose the Right Occasion to Discuss Business in Bolivia
หากคุณอยู่ในโบลิเวียเพื่อพูดคุยเรื่องธุรกิจและเวลาของคุณมีจำกัด การพูดคุยเรื่องธุรกิจในระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำหรืองานสังสรรค์ใดๆ ก็ยังถือว่าหยาบคาย ชาวโบลิเวียเชื่อว่าอาหารเย็นเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ส่วนตัว หากคุณได้รับเชิญไปรับประทานอาหารกลางวันหรืออาหารค่ำเพื่อธุรกิจ อย่าพูดถึงหัวข้อธุรกิจบนโต๊ะ เว้นแต่เจ้าของที่พักชาวโบลิเวียของคุณจะเป็นคนแรกที่พูดขึ้นมา มิฉะนั้น ก็แค่เอร็ดอร่อยกับมื้ออาหารและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับเจ้าของที่พักชาวโบลิเวียด้วยการพูดคุยเกี่ยวกับครอบครัวก็พอ
10. อย่าแบ่งจ่ายค่าอาหารเมื่ออยู่ประเทศตุรกี / Don’t Try to ”Go Dutch” in Turkey
ในบางวัฒนธรรม การแบ่งจ่ายค่าอาหารคนละครึ่งเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ แม้ว่าจะเป็นการรับเชิญไปร่วมงานเลี้ยงก็ตาม แต่นี่เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้เมื่อคุณอยู่ในตุรกี การเสนอจ่ายค่าอาหารครึ่งหนึ่งถือว่าสุภาพ แต่เจ้าของงานเลี้ยงอาจจะไม่พอใจหากคุณยืนกรานที่จะจ่าย ดังนั้น ควรจะเชิญเจ้าของงานเลี้ยงไปรับประทานอาหารด้วยภายหลัง เพื่อคุณจะมีโอกาสในการเลี้ยงอาหารกลับในมื้อต่อไป
11. หลีกเลี่ยงการใช้หมึกสีแดงเขียนชื่อเพื่อนของคุณในเกาหลีใต้ / Avoid Using Red Ink for Writing Names of Your Friends in South Korea
หลีกเลี่ยงการใช้หมึกสีแดงเขียนชื่อเพื่อนของคุณในเกาหลีใต้ สำหรับบางคน ไม่สำคัญว่าคุณจะใช้หมึกสีอะไรเขียนชื่อ ตราบใดที่สะกดชื่อถูกต้อง อย่างไรก็ตาม สำหรับชาวเกาหลีใต้ คุณสามารถใช้สีอื่นได้ ยกเว้นสีแดง เพราะหมึกสีแดงเป็นสัญลักษณ์ของความตาย
12. การไปอบซาวน่าในฟินแลนด์ / A Trip to the Sauna in Finland
ในประเทศฟินแลนด์ การไปอบซาวน่าเป็นการคลายเครียดและผ่อนคลาย นอกจากนี้ยังเป็นช่องทางหนึ่งในการเข้าสังคม แต่ถ้าลูกค้าหรือคู่สัญญาธุรกิจของคุณเชิญคุณไปซาวน่าหลังการประชุม ไม่ต้องตกใจ นั่นหมายความว่าการประชุมทางธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จแล้ว
13. คุณนั่งตรงไหนเมื่อขึ้นแท็กซี่ / Where Do You Sit When Taking a Taxi?
เป็นเรื่องปกติที่จะเห็นผู้คนนั่งรถแท็กซี่โดยนั่งอยู่ด้านหลังคนขับ คุณก็อาจนั่งแท็กซี่ด้านหลังหากคุณเป็นคนเดียวในนั้น แต่ในออสเตรเลีย ถือว่าเป็นการแบ่งชนชั้นวรรณะ ชาวออสเตรเลียจึงมักจะนั่งข้างหน้ากับคนขับแท็กซี่
14. การทักทายนกกางเขนเมื่อพบมันตัวเดียวในประเทศอังกฤษ / Greeting a Magpie on its Own in the UK
เป็นธรรมเนียมที่ผู้คนประเทศอังกฤษที่จะทักทายนกกางเขน เมื่อพบมันมาตัวเดียว เพื่อหลีกเลี่ยงโชคร้าย
15. การจัดงานวันเกิดในเนเธอร์แลนด์ / Birthday Greetings in the Netherlands
ในเนเธอร์แลนด์ ให้ความสำคัญกับการจัดงานฉลองวันเกิด เพื่อใช้โอกาสดังกล่าวในการใช้เวลาร่วมกับครอบครัวและญาติพี่น้อง
16. การทักทายผู้คนในญี่ปุ่น เยอรมนี และฝรั่งเศส/ Greeting People in Japan, Germany and France
เมื่อคุณอยู่ในเยอรมนีและได้รับเชิญให้เข้าร่วมงาน การจับมือกับทุกคนในห้องนั้นเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ คุณต้องจับมือเด็ก ๆ ที่มีอยู่ด้วย ในญี่ปุ่นทักทายและขอบคุณโดยการโค้งคำนับ อาร์เจนตินาจูบที่แก้มเป็นการทักทาย บราซิลจะหอมแก้มกันประมาณสามครั้ง ในฝรั่งเศส ประเพณีทางวัฒนธรรมของการจูบที่แก้มขึ้นอยู่กับภูมิภาค เมืองเบรส์ท จะจูบแก้มข้างหนึ่ง, เมืองตูลูส คุณสามารถจูบแก้มทั้งสองข้างได้และเมืองน็องต์ ทักทายโดยการหอมแก้ม 4 ครั้ง
17. กีฬาดึงนิ้วในออสเตรีย
คุณอาจสงสัยเมื่อเห็นชายชาวออสเตรียกำลังใช้นิ้วดึง เป็นกีฬาแบบดั้งเดิมที่จริงจังและกฎการเล่นเกมส์ค่อนข้างเข้มงวด เกมนี้มีชื่อว่า Fingerhakeln (การดึงนิ้ว) ซึ่งเหมือนกับการชักเย่อในเวอร์ชันจิ๋ว โดยจะต้องดึงนิ้วฝ่ายตรงข้ามข้ามโต๊ะ บาวาเรียก็เล่นกีฬานี้เช่นกัน
18. เป็นโสดหลังจากอายุ 25 ปี / The Dangers of Remaining Single After Age 25
ในบางวัฒนธรรมประเพณี ครอบครัวจะให้ลูกแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย ตัวอย่างเช่น ในเยอรมนี คนที่ยังเป็นโสดเมื่ออายุ 25 ปีจะถูกเพื่อนอาบด้วยผงอบเชย (cinnamon powder) ตลอดทั้งวัน ในฝรั่งเศส เพื่อนจะซื้อหมวกตลก ๆ ให้เพื่อนโสดอายุ 25 ปีในวันที่ 25 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันนักบุญแคทเธอรีน
19. เอาหน้าไปซุกในเค้กในวันเกิด / Shoving your face on your birthday cake
บางคนเอาหน้าไปซุกบนเค้กในวันเกิดเพื่อให้ทำเป็นเรื่องตลก แต่ในเม็กซิโกมันเป็นประเพณีวัฒนธรรม ผู้ฉลองวันเกิดจะไม่โกรธหากโดนดเค้กวันเกิดไปปาใส่หน้า บางครั้งหลังจากแขกร้องเพลงวันเกิด เจ้าของวันเกิดอาจจะเอาหน้าไปซุกในเค้ก
20. กีฬาแข่งขันอุ้มภรรยาในฟินแลนด์ / Wife Carrying World Championships
ใครจะเชื่อว่าการอุ้มภรรยาจะถือเป็นกีฬา ในฟินแลนด์ การอุ้มภรรยาหรือที่เรียกว่า eukonkanto เป็นกีฬาที่ได้รับการรับรองด้วยซ้ำ และคู่รักจากประเทศอื่นๆ เดินทางมาที่ Sonkajarvi ทุกปีเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมที่เริ่มขึ้นในศตวรรษที่ 19 ตั้งแต่ปี 1992 มันถูกเรียกว่า Wife Carrying World Championships รางวัลคือเบียร์ตามน้ำหนักภรรยา ตั้งแต่ปี 2005 เกมดังกล่าวได้ถูกจัดขึ้นในประเทศอื่นๆ เช่น ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และบางประเทศในเอเชีย
การเรียนรู้วัฒนธรรมประเทศต่างๆ ทำให้เรารู้จักและเข้าใจธรรมเนียมปฏิบัติ ความเชื่อของผู้คนจากชาตินั้นๆ ทำให้เราสามารถปรับตัวให้เข้ากับผู้คนชาตินั้นๆ ดังสำนวนที่ว่า “เข้าเมืองตาหลิวต้องหลิวตาตาม” และยังเป็นเสน่ห์แก่ผู้คนที่พบเห็นในประเทศนั้นๆอีกด้วย